"ภูลมโล" อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ในช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้เป็นอีกสถานที่ยอดฮิตแห่งหนึ่งของเหล่านักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปตามล่าหาดอกไม้สีชมพูหรือดอกนางพญาเสือโคร่ง เราก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันที่อยากจะไปเยือนอีกสักครั้ง หลังจากที่เคยได้ไปมาแล้วในช่วง 5 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นภูลมโลยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักค่ะ ต้นนางพญาเสือโคร่งเพิ่มจะเริ่มปลูก ต้นยังไม่โต และเรายังได้กางเต็นท์นอนรับลมหนาวสุดๆ บนยอดภูลมโลอีกด้วย
ทริปภูลมโลของน้องภูพิงค์ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2560 เป็นช่วงที่น้องภูพิงค์มีอายุได้ 19 สัปดาห์ในครรภ์คุณแม่ หรือราวๆ 4 เดือนกว่าๆ ทริปนี้ออกเดินทางจากบ้านตอนกลางคืน คุณป๊าขับรถไปเรื่อยๆ ไปถึงหมู่บ้านร่องกล้าตอนเช้ามืดพอดีเลยค่ะ
อากาศที่บ้านร่องกล้าในเช้าวันนั้นหนาวมากๆ เลยค่ะ หนาวสั่นจนควันออกปาก ทีแรกคุณป๊าจะขึ้นไปเที่ยวถ่ายรูปที่ภูลมโลคนเดียว แต่เราก็อยากไปด้วยเนาะไม่อยากนั่งรอเฉยๆ เพราะไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว อีกใจนึงก็ห่วงเจ้าตัวเล็กในครรภ์เหมือนกัน ก็เลยขอกับทางเจ้าหน้าที่ที่จัดรถบริการว่ากำลังตั้งท้องได้ 4 เดือนกว่า ขึ้นไปได้ไหม ขอนั่งด้านหน้า
ทางพี่เจ้าหน้าที่ก็หารถที่ค่อนข้างใหม่มากๆ ให้พวกเราและกำชับพี่คนขับว่าให้ขับเบาๆ ด้วย น้องภูพิงค์กับคุณแม่ก็เลยได้ไปถ่ายรูปบนภูลมโลกับคุณป๊าด้วย
พวกเรานั่งรถบริการของบ้านร่องกล้าขึ้นไปถึงภูลมโล ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ตอนเช้าฟ้าปิดหมอกลง แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ
ได้ชมดอกนางพญาเสือโคร่งสวยๆ บานรับต้นปีแบบนี้ สดชื่นสดใสมีความสุขมากๆ เลยล่ะค่ะ
สอบถามจากพี่คนขับรถบอกว่า ที่นี่จะมีจุดขึ้นรถให้บริการอยู่ 3 จุดด้วยกัน คือรับจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่บ้านร่องกล้า และขึ้นมาจากทางจังหวัดเลยอีกจุดหนึ่ง มีรถให้บริการทั้งหมดอยู่ร้อยกว่าคัน เยอะมากๆ ค่ะ
อันที่จริงเช้าวันนั้นก็เป็นวันที่คนเยอะมากๆ เช่นกันเนื่องจากเป็นเช้าวันเสาร์ ดอกนางพญาเสือโคร่งกำลังบานเยอะพอดี และที่เยอะอีกอย่างหนึ่งก็คือทากค่ะ ได้ยินเสียงสาวๆ กรี๊ดกันเป็นระลอกๆ เราก็แอบกลัวเหมือนกัน ต้องคอยดูขาดูเท้าตัวเองตลอดเวลาว่ามีทากมาเกาะบ้างรึเปล่า
Advertisement
ทางพี่คนขับเขาจะขับพาเราไปชมเป็นจุดๆ จอดรถให้ชมให้ถ่ายรูปกันตามสบายเลยค่ะ
พอเริ่มสายหน่อยสัก 8-9 โมง ฟ้าก็เริ่มเปิดให้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าๆ บ้างแล้ว
ถ่ายรูปสวยเลยค่ะทีนี้
มองเห็นหุบเขาเบื้องหน้าเป็นสีชมพูไปหมด สวยจริงๆ ค่ะ
เมื่อ 5 ปีก่อนที่เคยมา ยังมีต้นนางพญาเสือโคร่งไม่เยอะและไม่โตเท่านี้เลย ตอนนี้เปลี่ยนไปมากๆ
ต้นนี้เป็นต้นพญาเสือโคร่งตัวผู้ค่ะ เลยไม่มีคำว่า นาง นำหน้า (พี่คนขับเขาบอกมาอย่างนั้น)
ต้นตัวผู้จะมีแต่ใบ ไม่มีดอกค่ะ
ดูเข้มแข็งสมกับเป็นต้นพญาเสือโคร่งจริงๆ ค่ะ แม้จะมีอยู่เพียงต้นเดียวแต่ก็ดูสง่างาม
เมฆหมอกเริ่มเคลื่อนพี่ผ่านยอดดอยไปช้าๆ เผยให้เห็นท้องฟ้าใสๆ ด้านหลัง
ตรงจุดนี้เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่ทางรถบริการจะจอดรถให้เราเข้าไปถ่ายรูปกัน สมัยก่อนที่ตรงนี้เป็นลานกางเต็นท์ค่ะ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ขึ้นไปกางเต็นท์บนภูลมโลแล้ว เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวรู้จักมากขึ้น เกรงว่าธรรมชาติสวยๆ จะเปลี่ยนไปค่ะ
ราวๆ 10 โมงกว่าก็กลับมาถึงจุดจอดรถด้านล่างที่หมู่บ้านร่องกล้า ต้นนางพญาเสือโคร่งต้นนี้ต้นใหญ่มาก ดอกบานเต็มต้นสวยมากๆ เลยค่ะ
ที่หมู่บ้านจะมีตลาดนัดด้วย จะมีเด็กๆ นำสินค้าเกษตรมาขาย เช่น แครอท กะหล่ำ บร็อคโคลี่ แขนงคะน้า ผักมากมายหลายอย่าง ราคาไม่แพงเลยค่ะ
มองไปทางไหนก็เห็นสีชมพูเบ่งบานไปหมด
คุณป๊าพาเราออกจากหมู่บ้านร่องกล้าราวๆ 11 โมงกว่า มุ่งหน้าไปทางน้ำตกหมันแดง เพื่อตามล่าหาใบเมเปิ้ลแดงกัน อันที่จริงใบเมเปิ้ลจะแดงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ แต่ด้วยความที่เราไปกลางเดือนมกราคม ก็ไปลุ้นเอาว่าจะเจอใบไม้แดงบ้างรึเปล่า
เจ้าหน้าที่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ (หมันแดง) บอกว่าด้านหลังหน่วยฯ มีอยู่ต้นหนึ่งที่ใบเมเปิ้ลแดงแล้ว เดินไปเพียงราวๆ 50 เมตรก็เจอค่ะ ต้นสูงมากๆ
ใบเมเปิ้ลแดงที่ร่วงหล่นบนพื้น เก็บมาวางรวมกันหลายๆ ใบ แล้วก้อถ่ายรูปสิคะ รออะไร ฮ่าๆๆๆ
เสร็จจากเดินดูใบเมเปิ้ลแดงแล้ว คุณป๊าก็พาเราไปหาอะไรทานกันที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า นักท่องเที่ยวเยอะทีเดียวค่ะ ทานข้าวเสร็จก็เดินทางกลับบ้านเลย เป็นทริปที่คุณป๊าขับรถได้โหดมาก แต่ขากลับก็จอดรถตามปั๊มแวะพักเรื่อยๆ เพื่อผ่อนคลายไม่ให้เหนื่อยเกินไปค่ะ
สำหรับหนาวหน้า ใครที่อยากจะไปชมต้นนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลในแบบสีชมพูสะพรั่งทั้งหุบเขา แนะนำให้ไปช่วงกลางเดือนมกราคมเป็นต้นไปค่ะ รับรองว่าจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน
ขอบคุณคุณป๊าที่ขับรถตั้งไกลพาเราและลูกสาวในพุงไปเที่ยว
และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามค่ะ ^_^
My Phuphing
วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.18 น.